

งานแต่งเป็นเหมือนการเปลี่ยนความสัมพันธ์จาก “คู่รัก” สู่ “คู่ชีวิต” เป็นก้าวสำคัญซึ่งต้องอาศัยการเตรียมพร้อมทั้งกาย และใจอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกรายละเอียดล้วนมีความหมายและควรค่าแก่การใส่ใจ เราทุกคนรู้กันดีว่าขั้นตอนต่างๆ ก่อนจะถึงวันแต่งงานมีมากมาย แบบมากๆ จนหลายคนกังวลไปหมดเลย เราจึงมีบทความนี้ ที่จะพาคู่รักที่กำลังจะเป็นคู่บ่าวสาวไปดูขั้นตอนการเตรียมพิธีแต่งงานที่ช่วยเป็นแนวทางให้คุณทำตามได้จริง
เริ่มต้นโดยทำความเข้าใจแนวทางการแต่งงาน (ทั้งคู่และครอบครัว)
การเริ่มต้นวางแผนแต่งงาน ข้อแนะนำแรกที่เราอยากจะบอกคือการพูดคุยทำความเข้าใจกันระหว่างคู่รักและครอบครัวทั้งสองฝ่าย (ขีดเส้นไว้เลยต้องครอบครัวทั้งสองฝ่าย) เพื่อให้ทุกคนได้แชร์ความต้องการ ความคาดหวัง และข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบพิธี ขนาดของงาน จำนวนแขกที่จะเชิญ หรือแม้แต่เรื่องงบประมาณและการแบ่งค่าใช้จ่าย
หากเราเปิดใจคุยกันตั้งแต่ต้น ก็จะช่วยลดความเข้าใจผิด ข้อขัดแย้ง และความเครียดที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความเห็น เสนอไอเดีย และร่วมกันสร้างงานแต่งในฝันที่ลงตัวกับทุกคน เพราะพิธีแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้น แต่เป็นงานสำคัญที่ครอบครัวและคนรอบข้างต่างก็อยากมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน
กำหนดรูปแบบพิธีแต่งงาน
การเลือกรูปแบบและสถานที่จัดงานแต่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนแรกๆ ที่ต้องวางแผน รูปแบบงานแต่งมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่งานเล็กๆ เรียบง่าย ไปจนถึงงานใหญ่อลังการ ขึ้นอยู่กับความชอบ งบประมาณ และจำนวนแขกที่จะเชิญ มาดูกันว่ามีรูปแบบพิธีแต่งงานแบบไหนบ้าง เพื่อเป็นไอเดียในการวางแผนงานแต่งในฝันของคุณ
7 รูปแบบงานแต่งงาน
- จัดงานแต่งเล็กๆที่บ้าน : เป็นงานเล็กๆ อบอุ่น ใช้งบประมาณไม่มาก เหมาะกับคู่รักที่ชอบความเรียบง่าย อยากให้งานเป็นกันเอง และมีแขกไม่เกิน 50 คน
- จัดงานแต่งงานในโบสถ์ : เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวที่นับถือศาสนาคริสต์ ที่อยากจัดพิธีแต่งงานตามหลักศาสนา บรรยากาศในโบสถ์เรียบง่าย ศักดิ์สิทธิ์
- จัดงานแต่งงานในวัด ทำบุญพิธีสงฆ์สมรสแบบเรียบ : คู่บ่าวสาวชาวพุทธ อาจเลือกจัดพิธีหมั้นและแต่งงานที่วัด ตามประเพณีไทย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงหลัง เพราะ เน้นความเรียบง่าย และใช้งบประมาณไม่มาก แต่เหมาะสำหรับงานแต่งที่มีจำนวนแขกไม่เยอะ
- จัดพิธีแต่งงานในสวน : สำหรับบ่าวสาวที่ต้องการบรรยากาศร่มรื่น โรแมนติก ท่ามกลางธรรมชาติ เหมาะจัดงานกลางวันหรือช่วงเย็น ข้อควรระวังคือ ต้องมีแผนสำรองกรณีฝนตก
- จัดงานแต่งริมทะเล : วิวทะเลและหาดทรายขาว ช่วยเพิ่มบรรยากาศโรแมนติก สวยงาม แต่ต้องเช็คสภาพอากาศ และเตรียมความพร้อมเรื่องลม แดด ทราย ให้ดี
- จัดพิธีแต่งงานที่โรงแรม : เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากจัดงานใหญ่ มีแขกเยอะ โรงแรมส่วนใหญ่มีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ พร้อมบริการระดับมืออาชีพจากทีมงานของโรงแรม ในส่วนของค่าใช้จ่ายอาจมีหลายราคาตามจำนวนของแขกและแพ็กเกจของโรงแรม
- จัดพิธีแต่งงานสถานที่ Unique Space : สำหรับคู่รักที่อยากได้บรรยากาศแปลกใหม่ เช่น พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ โรงละคร ลานกว้าง ฯลฯ ข้อดีคือ มีธีมงานที่สวยงามไม่เหมือนใคร แต่ต้องศึกษากฎระเบียบของสถานที่ให้ละเอียด
กำหนดวันและฤกษ์ในพิธีแต่งงาน
การกำหนดวันและฤกษ์ในพิธีแต่งงานเป็นเรื่องที่คู่รักหลายคู่ให้ความสำคัญ บางคู่เลือกวันฤกษ์ดี ซึ่งวันฤกษ์ดีที่หลายๆคู่แต่งงานเลือก ก็อาจจะเป็นวันฤกษ์ดีสำหรับหลายๆคู่เช่นกัน ซึ่งก็มักเป็นฤกษ์ยอดนิยมที่ใครๆ ก็อยากจัดงานในวันนั้น ดังนั้นตอนเลือกฤกษ์ดี อาจจะมีเผื่อตัวเลือกไว้หลายๆวัน สำหรับการจองสถานที่และทีมงานที่คู่บ่าวสาวต้องการ
แต่สำหรับคนที่ไม่ถือฤกษ์ ก็มีข้อดีที่ไม่ต้องแย่งชิงสถานที่หรือทีมงานกับใคร และแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ต้องวิ่งไปหลายงานในวันเดียวกัน
4 วิธีหาฤกษ์งานแต่งงาน
- หาฤกษ์งานแต่งมงคลจากปฏิทิน
ถ้าคุณรู้แล้วว่าอยากแต่งงานในเดือนไหน ลองเปิดปฏิทินแล้วดูวันที่เป็นมงคลในเดือนนั้นได้เลย เผื่อเจอวันดีๆ ที่ใช่สำหรับคุณ - หาฤกษ์พิธีแต่งงานจากพระหรือซินแส
หลายๆคู่แต่งงานก็เลือกการปรึกษาพระหรือซินแสดูว่าดวงชะตาของแต่ละคู่เหมาะสำหรับการจัดพิธีงานแต่งงานในวันไหน หรือวันหยุด วันเสาร์-อาทิตย์ไหนเป็นฤกษ์มงคลสำหรับคู่ของคุณ - ฤกษ์พิธีแต่งงานต้องไม่ชนกับปีชง
เป็นอีกหนึ่งความเชื่อ ที่มักจะหลีกเลี่ยงจัดงานแต่งในปีชงของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว จะได้ไม่ขัดใจผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย - ฤกษ์พิธีแต่งงานต้องไม่ตรงกับวันข้างขึ้นข้างแรม
ตามความเชื่อโบราณของไทย เขาไม่นิยมแต่งงานวันเสาร์ เพราะมีคติว่า “วันศุกร์ห้ามเผา วันเสาร์ห้ามแต่ง” ถ้าคุณเชื่อเรื่องนี้ ก็เลี่ยงวันเสาร์ไปเลยจะดีกว่า
กำหนดงบประมาณเบื้องต้น
เมื่อได้วันฤกษ์มงคลแล้ว ก็ถึงเวลาวางแผนการเงินสำหรับงานแต่ง เริ่มจากกำหนดงบประมาณในใจที่ทำให้คู่บ่าวสาวรู้สึกสบายใจ ไม่กดดันเราจนมากเกินไป ระหว่างนั้นก็ควรเช็คราคาทั้งในเรื่องของสถานที่ อาหาร และบริการอื่นๆสำหรับงานแต่งงาน ไปด้วย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน อย่าลืมต้องคำนึงถึงจำนวนแขกที่จะเชิญมาร่วมงาน เพราะส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่าย
คู่บ่าวสาวควรพูดคุยกันว่าอยากเน้นอะไรเป็นพิเศษในงาน เช่น อาหาร การตกแต่งสถานที่ หรือชุดแต่งงาน เพื่อจัดสรรงบให้เหมาะสม อย่าลืมกันเงินสำรองไว้ 5-10% ของงบทั้งหมด สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หากพบว่างบบานปลาย ก็ควรปรึกษากันในครอบครัวว่าจะลดทอนส่วนไหนได้บ้าง โดยไม่กระทบภาพรวมของงานมากนัก
Top Tips! การจอง Suppliers สำหรับงานแต่ง
อันนี้สำคัญมากๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือจองบริการที่รับได้แค่ 1 คิวต่อวัน เช่น สถานที่จัดงาน จัดเลี้ยงอาหารสำหรับงานแต่ง (Catering) ช่างแต่งหน้า และช่างภาพ เพราะพวกนี้มักเต็มเร็ว โดยเฉพาะในฤดูแต่งงาน วันฤกษ์ดีตามปฏิทิน ให้เราลองจัดลำดับความสำคัญและติดต่อ Suppliers เหล่านี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้วันที่ต้องการ
หลังจากนั้นค่อยมาจัดการกับสิ่งที่ไม่ต้องเจาะจงวันทำงาน อย่างการตัดชุดแต่งงานหรือสั่งทำการ์ดเชิญ ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่า การวางแผนแบบนี้จะช่วยให้คุณจัดการทุกอย่างได้ราบรื่น และลดความเครียดในการเตรียมงานแต่งของคุณ แถมยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
ลำดับการจอง Supplier งานแต่ง
การจอง Supplier แต่ละอย่างมีช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกอย่างลงตัวในวันสำคัญ เราอยากให้รู้ลำดับการจองโดยเบื้องต้น เพราะจะช่วยให้คู่บ่าวสาวจัดการได้ง่ายขึ้น จะได้ไม่พลาดโอกาสในการจอง Supplier ที่ต้องการ และต้องมาเครียดในการเตรียมงานที่ไม่ได้ตามหวัง มาดูกันว่าควรจองอะไรก่อนหลังอย่างไร
ลำดับแรกสุด : Wedding Planner
ถ้าอยากใช้บริการ Wedding Planner ควรติดต่อเป็นอันดับแรก เพราะเขาจะช่วยวางแผนและแนะนำตลอดการเตรียมงาน เหมาะสำหรับคู่ที่อยากประหยัดเวลา และต้องการคนช่วยดูแล ทางเลือกคือจ้าง Wedding Planner มืออาชีพ หรือขอให้เพื่อนที่มีประสบการณ์จริงๆ ที่เต็มใจช่วยเหลือเรา จัดการได้เช่นกัน
- คนรันคิว
ลำดับที่ 1 : สถานที่จัดงานและ Catering
สถานที่จัดงานแต่งงานเป็นสิ่งที่ควรจองเป็นอันดับแรกหลังจากได้ฤกษ์แต่งงาน เพราะในบางสถานที่สามารถจัดงานได้เพียงงานเดียวใน 1 วัน ดังนั้นควรจองอย่างน้อย 6-12 เดือนล่วงหน้าสำหรับสถานที่ยอดนิยมที่มักเต็มเร็ว
แนะนำสถานที่จัดงานแต่งงาน
- อะกาลิโก สถานที่จัดงานแต่งที่ให้บรรยากาศงานแต่งงานในสวน ซึ่งเหมือนจัดงานในบ้านที่มีสวนสวย อบอุ่น ใครชอบ mood สวนอังกฤษ บ้านขาวๆ ต้องที่นี่
- ไปรษณีย์กลางบางรัก สถานที่แต่งงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำแบบใคร ด้วยบรรยากาศตึกเก่าสไตล์ Vintage สวยงาม
- สยามสมาคม เหมาะกับงานแต่งงานที่มีพิธีตอนเช้า และฉลองมงคลสมรสตอนเที่ยง สถานที่แต่งงานแห่งนี้เหมาะทั้งการแต่งงานพิธีแบบไทย หรือ งานแต่งงานในสวน โดดเด่นด้วยการเดินทางที่สะดวก มาได้ทั้ง BTS MRT,
(ข้อมูลสถานที่ไปอ่านเพิ่มใน Venue)
หลังจากได้สถานที่ที่ต้องการแล้ว ก็ควรมองหาบริการจัดเลี้ยงสำหรับงานแต่งงาน (Wedding Catering) โดยที่ Dee Catering เรามีบริการอาหารจัดเลี้ยงงานแต่งที่เหมาะสำหรับรูปแบบงานแต่งงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บุฟเฟ่ต์ ซุ้มอาหารออกร้าน หรือ อาหารโต๊ะไทย
แนะนำรูปแบบการจัดเลี้ยงสำหรับงานแต่ง Wedding Catering
- จัดเลี้ยงงานแต่งแบบบุฟเฟ่ต์ จะมีการจัดโต๊ะที่นั่งรับประทานอาหารไว้ให้แขกสามารถเดินตักอาหารและนั่งรับประทานอาหารจานหลักร่วมกัน
- จัดเลี้ยงงานแต่งแบบค็อกเทล เหมาะสำหรับงานแต่งงานที่ต้องการอาหารที่มีรูปแบบน่ารัก สวยงาม ให้แขกสามารถเดินเลือกอาหารและรับประทานตามจุดที่จัดไว้ให้ พร้อมๆกับพูดคุยแรกเปลี่ยนสนทนากัน แต่ข้อเสียของรูปแบบค็อกเทลคือไม่มีที่นั่งสำหรับทุกคน อาจจะเป็นการยืนพูดคุยกัน จึงเหมาะสำหรับงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสมากกว่า
- จัดเลี้ยงงานแต่งแบบออกร้าน เหมาะสำหรับงานแต่งงานที่ต้องการอาหารทำสดใหม่ ทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงมีกลิ่นหอมๆของอาหารชวนให้แขกอยากเลือกอาหารมารับประทานระหว่างพิธี
- จัดเลี้ยงงานแต่งแบบโต๊ะไทย เหมาะสำหรับงานแต่งงานที่มีแขกผู้ใหญ่เยอะๆ เพราะมีที่นั่งรองรับและสามารถพูดคุยกันพร้อมกับรับประทานอาหารร่วมกัน
ลำดับที่ 2 : ช่างแต่งหน้าทำผม
ช่างแต่งหน้าทำผมในงานแต่งงานเป็นสิ่งที่เจ้าสาวหลายๆคนให้ความสนใจ และ หลายๆคนมักมีช่างแต่งหน้าในดวงใจ ดังนั้น เมื่อได้ฤกษ์แต่งงานแล้ว ควรติดต่อแต่งละช่างแต่งหน้าไปเพื่อสอบถามราคาและคิวของช่าง อย่างน้อยควรจองล่วงหน้า 3-6 เดือนก่อนวันงาน
ลำดับที่ 3 : ชุดแต่งงานและเครื่องประดับ
- สำหรับบ่าวสาวที่ต้องการสั่งตัดชุดแต่งงานใหม่ ควรเริ่มหาผู้ให้บริการที่ตัวเองสนใจและดำเนินการตัดชุดล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อนงาน
- ส่วนคู่ต้องการเช่าชุดแต่งงาน ก็ควรเผื่อเวลาตระเวนดูหลายๆ ร้านเพื่อเปรียบเทียบและหาชุดแต่งงานที่เหมาะสนกับคุณ
ลำดับที่ 4 : ช่างภาพและวิดีโอ
- ช่างภาพและวิดีโอมีความสำคัญสำหรับงานแต่งงานอย่างมาก เพราะจะช่วยให้คู่บ่าวสาวเก็บความทรงจำทั้งบรรยากาศงานแต่งงาน และภาพประทับใจกับแขกผู้ร่วมงาน ดังนั้น คู่บ่าวสาวควรใช้เวลาในการศึกษาและดูผลงานของช่างภาพและวิดีโอเพื่อให้มั่นใจว่า พวกเขาเหล่านั้นจะช่วยคุณเก็บโมเม้นท์ดีได้ได้อย่างครบถ้วน เมื่อได้ช่างภาพและวิดีโอแล้ว ก็ควรจองล่วงหน้า 6-9 เดือน โดยเฉพาะถ้าต้องการช่างที่มีชื่อเสียง เพราะตารางมักเต็มเร็ว
ลำดับที่ 5 : ดนตรีหรือวงดนตรี
- แนะนำให้จองล่วงหน้า 3-6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้วงที่ถูกใจในวันงาน หากจะจัดเต็มเอาวงดังๆ อาจจะจองล่วงหน้ามากกว่านี้
ลำดับที่ 6 : ดอกไม้และของตกแต่ง
- เมื่อได้ธีมและรูปแบบของงานแต่งงานแล้ว ควรมองหาออแกไนซ์ที่จัดสถานที่ ดอกไม้และของแต่งงาน อย่างน้อย 3-6 เดือนก่อนงาน เพื่อให้ได้มีเวลาบอกรูปแบบความต้องการของคู่บ่าวสาวกับผู้ให้บริการ ไปใช้เวลาในการออกแบบและเตรียมวัสดุ
สำหรับอื่นๆ
- เค้กแต่งงานควรสั่ง 3-4 เดือนล่วงหน้า
- การ์ดเชิญควรสั่งพิมพ์ 3-4 เดือนก่อน ของชำร่วยควรสั่ง 2-3 เดือนก่อน
- ทีม Run คิวควรจอง 1-2 เดือนก่อนวันงาน
5 Tips! การจอง Suppliers สำหรับงานแต่งงาน
- ควรจองบริการหลักๆ ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะถ้าวันแต่งงานที่ตรงกับฤดูกาลแต่งงานยอดนิยม เช่น ช่วงปลายปีอย่างเดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคม
- ขอดูผลงานและรีวิวจากลูกค้าเก่าของ Suppliers ก่อนตัดสินใจจอง
- เผื่อเวลาในการจองไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 6-12 เดือนสำหรับ Suppliers หลัก เพื่อให้มีตัวเลือกมากขึ้น
- ทำสัญญาและจ่ายมัดจำกับ Suppliers หลักๆ เพื่อล็อคคิวไว้ โดยเฉพาะสถานที่จัดงาน Catering และช่างภาพ
- ติดต่อประสานงานกับ Suppliers อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
- อย่าเลือก supplier เพราะราคาถูกอย่างเดียว เพราะงานคุณภาพมีต้นทุนเสมอ อะไรที่ถูกเกินไป ขอให้ระวังไว้ให้ดี ทุกๆปีเราจะเห็นข่าวเจ้าสาวโดนเทงานจาก supplier เสมอ
ทริคการจัดการเกี่ยวกับแขกผู้มาร่วมงาน
- เราสามารถเริ่มจากการทำลิสต์รายชื่อจากทั้งสองฝ่ายครอบครัว เพื่อให้ไม่ตกหล่นใคร
- แล้วแบ่งเป็นกลุ่มๆ เช่น ญาติสนิท เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนที่ทำงาน ทำให้มองภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น
- จากนั้นก็มาดูว่างบประมาณและสถานที่จัดงานรองรับแขกได้เท่าไหร่ เพื่อกำหนดจำนวนคนสูงสุด
- หากพบว่าจำนวนเกินกว่าที่วางแผนเอาไว้เยอะ ให้ปรึกษาครอบครัวทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งบางทีอาจต้องตัดบางส่วนออก แต่ก็พยายามให้ครอบคลุมคนสำคัญไว้ก่อน การจัดแบ่งโต๊ะก็ควรคำนึงถึงความสัมพันธ์ของแขกแต่ละกลุ่มด้วย
- หากเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนหรือโต๊ะไทย ให้นำจำนวนซองหรือแขกที่เชิญ คูณด้วย 1.5 เพื่อประเมินจำนวนแขกที่ร่วมงาน หรือสามารถสอบถามแขกตรงๆไปเลยว่ามีใครสะดวกหรือไม่สะดวกร่วมงานมั้ย
วิธีแก้ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับแขกผู้มาร่วมงานมีอะไรบ้าง?
1. แขกไม่ตอบรับการเชิญ
- ส่งการ์ดเชิญที่มีวิธีตอบรับชัดเจน เช่น เบอร์โทรศัพท์หรือลิงก์ออนไลน์
- ติดตามคำตอบหลังจากส่งการ์ดแล้ว 2-3 สัปดาห์
- กำหนดวันสุดท้ายในการตอบรับ
2. แขกนำคนมาเพิ่มโดยไม่แจ้ง
- ระบุจำนวนที่นั่งสำหรับแต่ละครอบครัวหรือกลุ่มในการ์ดเชิญ
- เตรียมที่นั่งสำรองไว้จำนวนหนึ่งสำหรับกรณีฉุกเฉิน
- แจ้งแขกล่วงหน้าว่าต้องการทราบจำนวนผู้ร่วมงานที่แน่นอน
3. การจัดที่นั่ง
- วางแผนผังที่นั่งล่วงหน้า โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ของแขก
- จัดให้แขกที่รู้จักกันนั่งใกล้กัน
- มีป้ายชื่อหรือแผนผังที่ชัดเจนเพื่อให้แขกหาที่นั่งได้ง่าย
4. แขกมาสาย
- ระบุเวลาเริ่มงานในการ์ดเชิญให้ชัดเจน
- เผื่อเวลาสำหรับแขกที่อาจมาสาย โดยเริ่มพิธีการจริงหลังเวลาที่ระบุในการ์ดเล็กน้อย
- มีพิธีกรหรือทีมต้อนรับคอยแนะนำที่นั่งสำหรับแขกที่มาสาย
5. ความต้องการพิเศษของแขก
- สอบถามเรื่องอาหารพิเศษหรือข้อจำกัดทางศาสนาล่วงหน้า
- เตรียมทางเลือกสำหรับแขกที่มีความต้องการพิเศษ เช่น อาหารมังสวิรัติ หรืออาหารฮาลาล
- จัดเตรียมที่นั่งพิเศษสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการ
การเลือกและจัดทำการ์ดแต่งงาน
การทำการ์ดแต่งงานมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกกล่าวแขกผู้มีเกียรติ ให้มาร่วมยินดีในวันสำคัญของเราทั้งคู่ โดยให้เริ่มจากให้คิดไว้เบื้องต้นว่าจะเลือกดีไซน์ให้เข้ากับธีมงานแบบประมาณไหน ไม่ว่าจะเป็นแบบคลาสสิก มินิมอล วินเทจ หรือโมเดิร์น เลือกกระดาษคุณภาพดี อย่างกระดาษอาร์ตการ์ด กระดาษคราฟท์ หรือกระดาษผิวสัมผัสพิเศษ
แล้วก็ไปหาเลือกร้านทำการ์ดที่ถูกใจ คุยหลายๆด้าน ดูคุณภาพ ดูราคา โดยขนาดยอดนิยมคือ 5×7 นิ้ว หรือ 4×6 นิ้ว การแจกการ์ด แนะนำให้แจกล่วงหน้าอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้แขกได้ล็อควันเวลาไว้ก่อน สำหรับคู่ที่อยากได้การ์ดในแบบฉบับของตัวเอง แต่งบไม่ค่อยพร้อม ลองออกแบบการ์ดเองใน Canva แล้วนำไปพิมพ์ หรือส่งการ์ดออนไลน์ให้แขกก็ได้ เรียบง่าย สะดวก ประหยัด สามารถทำให้ออกมาดีได้
ข้อมูลที่ควรมีในการ์ด
- ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว
- วันที่ เวลา และสถานที่จัดงาน
- กำหนดการคร่าวๆ ของงาน
- ธีมการแต่งกาย (ถ้ามี)
- ช่องทางการตอบรับ
- แผนที่หรือลิงก์แผนที่ QR Code
การแจกการ์ดแต่งงาน
การแจกการ์ดแต่งงาน เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่อยากจะเราใส่ใจ โดยเฉพาะกับแขกผู้ใหญ่และคนสำคัญ ควรแจกการ์ดเชิญที่เป็นทางการด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติ ไม่ควรเชิญผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเดียว และถ้าไม่ได้เชิญด้วยตัวเอง ก็ควรพูดขอโทษทุกครั้ง ส่วนช่วงเวลาแจกการ์ดที่ดีคือประมาณ 4-6 สัปดาห์ก่อนวันงาน และเพื่อป้องกันการลืมเชิญใคร ก็ควรทำลิสต์รายชื่อแขกไว้ด้วย บนการ์ดแต่งงานควรระบุชื่อแขกบนซองการ์ดให้ชัดเจน อีกข้อแนะนำหนึ่งคือควรสั่งพิมพ์การ์ดกับซองเผื่อไว้มากกว่าจำนวนแขกประมาณ 5-10% เผื่อไว้ก่อน ดีกว่าขาด เพราะการ์ด 1 ใบ ราคาไม่แพงมาก
การเลือกของชำร่วย
- ชำร่วยเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความประทับใจให้แขกในงานแต่ง ปกติร้านขายการ์ดมักมีของชำร่วยให้เลือก แต่หากอยากได้ความพิเศษ
- คู่บ่าวสาวอาจเลือกซื้อเองก็ได้ ของชำร่วยที่ดีควรมีความหมายดีหรือเกี่ยวข้องกับความรักของคู่บ่าวสาว หรือเป็นของที่ส่งต่อความสุขให้คนอื่นได้ เช่น สนับสนุนมูลนิธิหรือผลิตภัณฑ์ OTOP
- ก่อนเลือกซื้อ ควรกำหนดงบประมาณต่อชิ้นและคำนวณจำนวนให้เพียงพอ หากเน้นประโยชน์ใช้สอย ก็ควรเป็นสิ่งที่แขกสามารถนำไปใช้ได้จริง สุดท้าย อย่าลืมคำนึงถึงความสะดวกในการแจกจ่ายด้วยหากในงานมีแขกจำนวนมาก
สำหรับคู่บ่าวสาวในช่วงใกล้วันงาน
เมื่อกำลังจะเข้าสู่ช่วงใกล้วันงานแต่งอาจเป็นเวลาที่น่าตื่นเต้น อาจรู้สึกกังวลเล็ก การถ่ายภาพ Pre-wedding เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแสนพิเศษที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและเติมเต็มความสวยงามให้กับคู่รัก เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ประทับใจ ลองมองหาช่างภาพที่ถูกใจและมีฝีมือ เพราะช่างภาพเก่งๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นระหว่างถ่ายภาพ
ให้เลือกสถานที่ถ่ายภาพที่มีความหมายต่อคู่รัก เช่น ที่ที่พบกันครั้งแรก หรือที่ที่ชอบไปด้วยกัน ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง และอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ เพื่อจะได้สดใสเป็นธรรมชาติในวันถ่ายจริง แล้วก็ผ่อนคลาย สนุกไปกับมัน ยิ้ม หัวเราะ และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ รับรองว่าภาพถ่ายของคุณจะออกมาสวยงามและน่าประทับใจแน่นอน
การเตรียมพิธีการในงานแต่งและลำดับงาน
การเตรียมพิธีการและลำดับงานแต่งเป็นเรื่องที่คู่บ่าวสาวควรใส่ใจ แต่ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะแต่ละบ้านมีธรรมเนียมต่างกัน ไม่มีอะไรถูกผิดตายตัว สิ่งสำคัญคือการตกลงกันให้ชัดเจนว่าต้องการพิธีแบบไหน ทั้งพิธีเช้าและงานเลี้ยงฉลอง บางคู่อาจชอบแบบเรียบง่าย แค่ทานอาหารกับแขก บางคู่อาจอยากมีพิธีตัดเค้กหรือรินแชมเปญ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบและบุคลิกของคู่บ่าวสาว
หากมีลำดับพิธีการหลายอย่าง ก็ควรมีคนคอยดูแลจัดการให้ทุกอย่างราบรื่น เพื่อให้งานแต่งเป็นวันพิเศษที่สมบูรณ์แบบสำหรับคู่รักและแขกผู้มาร่วมงาน ที่สุดแล้วความสุขและความพึงพอใจของคู่บ่าวสาวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
และอย่าลืมว่า ในวันแต่งงานคู่บ่าวสาวอาจไม่ได้มีเวลาในการรับโทรศัพท์ หรือ แจกแจงรายละเอียดสำคัญกับผู้ให้บริการต่างๆ ดังนั้น ควรเลือกใครซักคนในครอบครัว อาจจะเป็นพี่หรือน้องบ่าวสาว ในการรับรู้รายละเอียดต่างๆในพิธีแต่งงานและช่วยตัดสินใจและประสานงานกับผู้ให้บริการต่างๆ รวมถึงคอยรับโทรศัพท์ของคู่บ่าวสาวที่แขกผู้ร่วมงานอาจจะติดต่อมาสอบถามในวันแต่งงาน
ทิ้งท้าย : ให้มีความสุขในวันแต่งงาน!
ในวันแห่งความรักและคำสัญญา ขอให้คู่บ่าวสาวมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ที่ต่างก็มาร่วมแบ่งปันความสุขและเป็นสักขีพยานของการเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ การเตรียมงานแต่งอาจจะมีความกังวลบ้าง แต่นั่นเป็นเรื่องปกติของการจัดงานแต่ง ขอให้มองข้ามความกังวลเหล่านั้นไปชั่วคราว แล้วมาจดจ่ออยู่กับความสุขในวันพิเศษนี้ ในงานแต่ง ทุกอย่างมันจะผ่านไปได้ด้วยดี ขอเพียงเปิดใจรับความสุขจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าว แขกผู้มีเกียรติ และที่สำคัญที่สุดคือคู่ชีวิตของคุณเอง อย่าลืมที่จะสร้างบรรยากาศแห่งรอยยิ้มในงานจะช่วยให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขไปด้วยกัน ขอให้ช่วงเวลาดีๆ ในงานแต่งของคุณ เป็นความทรงจำอันแสนพิเศษ ขอให้คู่บ่าวสาวในอนาคตมีชีวิตคู่ที่มั่นคง ราบรื่น และเต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ ตราบนานเท่านาน
ปรึกษากับเรา
ให้เราช่วยแนะนำและออกแบบงานเลี้ยงในฝันของคุณ โดยทีมงาน มืออาชีพกว่า 20 ปี